วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

บทที่ 4 ทฤษฎีการเรียนรู้พุทธิปัญญา (Cognitive Theories)

   1. สรุปเนื้อเรื่อง Inside Out มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง    


              ในเรื่อง inside out นี้ตัวเอกของเรื่องคือไรลีย์เด็กสาว ผู้มองโลกในแง่บวกอยู่เสมอ แถมเป็นนักกีฬาฮอกกี้ตัวเก่งของโรงเรียน และในหัวของไรลีย์นั้น ประกอบด้วยตัวเอกเล็กๆอีก 5 ตัวคือ Joy, Sadness , Anger, Disgust และ Fear ซึ่ง แต่อารมณ์ทั้ง 5 จะเป็นแต่ละอารมณ์แต่ละความรู้สึกดังนี้ Joy คือความรู้สึกที่มีความสุข สนุกสนาน ลั้นลา, Sadness คือความรู้สึกที่ซึมเศร้า เศร้าหมอง, Fear คือความรู้สึกกลัว กังวล, Anger คือความรู้สึกโกรธ, และ Disgust คือความรู้สึกขยะแขยง รังเกียจ แม้ว่าจะมีอารมณ์ถึง 5 อารมณ์ แต่คนที่คอยควบคุมความรู้สึกและการกระทำส่วนมากของ ไรลีย์ ก็คือ Joy คอยทำให้ไรลีย์เป็นเด็กที่สดใส มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ในทุกการกระทำของไรลีย์ จะถูกเก็บเป็นลูกบอล ความทรงจำความทรงจำเหล่านี้เมื่อหมดวันจะถูกเก็บไปยังส่วนของ ความทรงจำระยะยาวและในบางครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ในชีวิตลูกบอลที่เกิดขึ้นจะเรียกว่า ความทรงจำหลักและความทรงจำเหล่า นี้เอง ที่จะถูกพัฒนาให้กลายเป็นบุคคลิกภาพประจำตัวต่อไป ซึ่งในเรื่องนี้ความทรงจำเหล่านี้จะถูกนำไปสร้างเป็นเกาะ เพื่อแทนบุคคลิกภาพในแต่ละแง่มุม เช่นเกาะฮอคกี้เมื่อ ไรลีย์ ทำประตูแรกได้เมื่อตอนเป็นเด็ก ทำให้เธอชอบเล่นฮอกกี้ตั้งแต่นั้นมา หรือเกาะแห่งมิตรภาพที่แทนถึงเพื่อนรักของเธอที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตของไรลีย์มีแต่ความสุขเป็นส่วนมาก แม้กระทั้ง Joy เองก็ไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไรลีย์ได้ จนกระทั้งไรลีย์ต้องย้ายบ้าน ทุกอย่างก็เปลี่ยนกันไปหมด พฤติกรรมบางอย่างของไรลีย์เปลี่ยนไป ทั้งนี้ก็เกิดกับการควบคุมของอารมณ์ทั้ง 5 เกิดเรื่องราวต่างๆขึ้นมากมาย ความทรงจำบางอย่างของไรลีย์ก็ถูกลืมไป เกาะก็พังลงเกือบทุกเกาะ ในขณะที่ Joy กำลังหาวิธีกลับมาควบคุมไรลีย์ จากนั้นเกาะต่างๆ พังลงความทรงจำบางอย่างหายไปซึ่งส่งผลถึงพฤติกรรมต่างๆของไรลีย์ในขณะนั้น เมื่อ Joy กลับมาถึงก็ให้ Sadness นำความทรงจำหลักกลับเข้าไปทำให้ทุกอย่างเริ่มเหมือนเดิมและเกาะต่างๆก็ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง เช่น เกาะครอบครัว มิตรภาพ เป็นต้น จากนั้นก็ทำให้ไรลีย์กลับมามีความสุขและมีความทรงจำดีๆเหมือนเดิม


2. สิ่งที่ได้จากการรับชม Inside Out มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง
         จากที่ได้ดู Inside Out มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง จนจบเรื่องสิ่งที่ได้คือหนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนเราเมื่อเติบโตขึ้นก็ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ นานา  เราไม่อาจใช้ Joy เพียงอย่างเดียวเป็นตัวหลักในการรับมือกับทุกอย่างได้เหมือนตอนเด็กๆ เพราะถึง Joy จะเป็นสิ่งที่ดี แต่นั่นคือการพยายามหนีปัญหาในรูปแบบหนึ่ง และปัญหาหลายอย่างในวัยผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างการกินบร็อคโคลีหรือการถูกสั่งงดขนมหวาน ซึ่งแค่มุกเครื่องบินธรรมดาก็มาเติมเต็มความต้องการให้ Joy เข้ามาควบคุมผลลัพธ์ได้  แต่มันมีปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวพันทั้งกับความโกรธ  ความกลัว ความรังเกียจ และความเศร้า การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ปกติสมบูรณ์นั้นหมายถึงการระลึกได้ว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์แบบไหน  และควรจัดการให้ทุกอารมณ์มีที่ทางในการแสดงออกมาโดยสอดประสานกัน ไม่ให้อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งมีอำนาจควบคุมการสั่งการโดยเบ็ดเสร็จ ทุกอารมณ์มีความสำคัญและหน้าที่ในตัวของมันเอง แม้แต่ความเศร้าซึ่งบางคนมองว่าเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ ถึงความเศร้าจะไม่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนร่างกายทำเรื่องสนุกๆอย่าง Joy แต่ความเศร้าที่เป็นประโยชน์จะเป็นเบาะรองรับและสิ่งปลอบประโลมใจในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจกับเรา  การที่เราโศกเศร้าไม่ใช่เป็นเพราะเราอ่อนแอขี้แพ้  แต่มันเป็นการหยุดเครื่องชั่วคราวเพื่อให้เราได้มีเวลาคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่า น้ำตา/การนิ่งเงียบเป็นสิ่งที่เราใช้ในการระบายความเศร้าบางส่วนที่กดดันอยู่ในจิตใจออกจากร่างกายเหมือนที่อีก 4 อารมณ์ที่เหลือต่างก็มีวิธีการแสดงออกมา  และสิ่งที่เหลืออยู่จะเป็นประสบการณ์ที่ให้เราใช้เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาในอนาคตได้สุดท้ายแล้ว ไรลีย์ก็ได้เรียนรู้ว่าทุกอารมณ์ล้วนมีความสำคัญในตัวมันเอง และการเรียนรู้ที่จะจัดการให้แต่ละอารมณ์มีที่ทางในการแสดงออกและดำเนินไปอย่างสอดประสานกันโดยที่ไม่จำเป็นต้องมองทุกอย่างผ่านสายตาของ Joy นั้น ก็คือการเติบโตนั้นเอง



3. Inside Out มหัศจรรย์อารมณ์อลเวงทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง

            1. ทฤษฎีของเพียเจต์ จากที่ได้ดูหนังมาสิ่งที่สอดคล้องกับทฤษฎีของเพียเจต์คือ พัฒนาการของไรลีย์ ตั้งแต่เล็กจนโต สังเกตได้จากพัฒนาการด้านเชาว์ปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจของแต่ละวัยในแต่ละช่วงอายุที่แตกต่างกันออกไป และการจัดการอารมณ์ยังไม่มั่นคงในช่วงวัยเด็ก การปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมในแต่ละวัยก็แตกต่างกันไปด้วย ทำให้ได้รับรู้ถึงวิวัฒนาการด้านต่างๆทั้งนี้ยังทำให้รู้ว่าในแต่ละช่วงของการเจริญเติบโตและยิ่งโตขึ้น อารมณ์ ความรู้สึก จิตใจ ความคิด ก็ยิ่งซับซ้อน ยากต่อการเข้าใจมากขึ้น
              2. ทฤษฎีของออซูเบล ในทฤษฎีของออซูเบล คือเป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมาย อาทิ เช่นในหนังเรื่องนี้เมื่อในตอนที่ไรลีย์ยังเด็กก็จะเล่นกับปิ้งป๋องพอเวลาผ่านไปเมื่อสิ่งนั่นไม่มีความหมาย ความทรงจำนี้ไม่มีความหมาย ก็จะถูกโยนทิ้งลงไปในถังขยะความทรงจำ และความทรงจำของไรลีย์ที่เคยมีปิ้งป๋องก็จะถูกลืมไป พอโตขึ้นไรลีย์ก็เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นถ้าสิ่งที่ไรลีย์เรียนรู้มีความสำคัญ เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ของไรลีย์ ไรลีย์ก็จะเก็บความทรงจำนั้นได้ดี เช่น การเป็นนักกีฬาฮอกกี้
               3. ทฤษฎีของคลอสไมเออร์ ในทฤษฎีนี้ ความทรงจำของไรลีย์จะถูกเก็บไว้ในลูกแก้วแต่ละสีิ ความทรงจำแต่ละอย่างจะถูกเก็บในลูกแก้วแต่ละสีตามอารมณ์นั้นๆ ลูกแก้วจะถูกเก็บในแต่ละวันๆ จนเรียงคดเคี้ยวเป็นเหมือนรอยหยักในสมองของคนเรา และนอกจากมีลูกแก้วเก็บความทรงจำแล้วยังมีเกาะต่างๆ อาทิเช่น เกาะครอบครัว เกาะมิตรภาพ เกาะที่ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อ ความทรงจำบางอย่างเลื่อนหายไปกับกาลเวลาหรือมีเรื่องเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เกิดเรื่องที่กระทบต่อจิตใจของไรลีย์ในเรื่องนั้น เกาะต่างๆ ก็จะพังลง เมื่อเวลาผ่านไปความทรงทรงบางอย่างก็อาจถูกลืมไปในที่สุด ซึ่งก็สอดคลองกับทฤษฎีนี้
                 4. ความรู้เกี่ยวกับการรู้คิดของตนเอง  ไรลีย์ มีประสบการณ์ในการเล่นกีฬา ฮอกกี้ ตั้งแต่เด็ก โดยเรียนรู้จากพ่อแม่ตั้งแต่เด็กครอบครัวของไรลีย์จะพาไรลีย์ไปเล่นอยู่บ่อยๆ และเมื่อเกิดการฝึกฝนมากขึ้นก็ทำให้ไรลีย์มีประสบการณ์ในกีฬาฮอกกี้มากเป็นพิเศษ ซึ่งถือเป็นความสามารถพิเศษของไรลีย์ จึงทำให้ไรลีย์ ชอบเล่นฮอกกี้มาเรื่อยๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น